ประเภทของการวิ่งมาราธอน

เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเวลามีการรับสมัครการแข่งขันวิ่งมาราธอนถึงมีประเภทของการวิ่งให้สมัครหลายประเภทมาก ไม่ว่าจะเป็น การวิ่งประเภทฟันรัน มินิมาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน มาราธอน ไตรกีฬา แล้วทั้งหมดนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจว่าการวิ่งแต่ละประเภทเป็นการวิ่งแบบไหน ระยะทางเท่าไร 

  1. ฟันรัน (Fun Run) หรือ ไมโครมาราธอน (Micro Marathon) 

การวิ่งฟันรัน หรือ ไมโครมาราธอน คือ การวิ่งที่มีระยะทางไม่เกิน 5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการวิ่งที่มีระยะทางที่สั้นที่สุดในบรรดาประเภทของการวิ่งมาราธอนทั้งหมด ด้วยระยะทางที่มีเพียงไม่เกิน 5 กิโลเมตร การฟันประเภทนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ไม่ได้เป็นนักวิ่งแต่อยากวิ่งออกกำลังกาย ผู้ที่เป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่หัดวิ่งใหม่ๆยังไม่มีความพร้อมแต่อยากลองสนามวิ่ง

2.มินิมาราธอน (Mini Marathon)

การวิ่งมินิมาราธอน คือ การวิ่งที่มีระยะทาง 10-10.5 กิโลเมตร มีระยะทางที่เพิ่มขึ้นมาจากการวิ่งแบบฟันรัน ระยะทางประมาณนี้เหมาะกับผู้ที่มีความพร้อมและอยากจะลองขยับระยะทางในการวิ่งขึ้นมาจากฟันรัน ซึ่งการวิ่งประเภทนี้มักได้รับความนิยมมากเพราะเป็นระยะทางที่ไม่สั้นจนเกินไป และก็ไม่ไกลจนทำให้รู้สึกเหนื่อยเกินไป แต่ถึงกระนั้นผู้ที่จะลงวิ่งประเภทนี้ก็ควรที่จะฝึกวิ่งระยะทางนี้เพื่อให้ร่างกายมีความคุ้นชิน จะได้ทนทานกับระยะทางที่เพิ่มขึ้น

  1. ฮาล์ฟมาราธอน (Half Marathon)

ฮาล์ฟมาราธอน คือ การวิ่งที่มีระยะทาง 21 กิโลเมตร เป็นระยะทางที่เพิ่มขึ้นมาจากฟันรันและมินิมาราธอนมากพอสมควร ผู้ที่จะลงแข่งวิ่งประเภทนี้จะต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ต้องมีการฝึกวิ่งเพื่อให้ร่างกายทนทานกับระยะทาง 21 กิโลเมตร เพื่อให้ร่างกายไม่เหนื่อยหอบง่าย การวิ่งประเภทนี้จึงเหมาะกับนักวิ่งที่มีการฝึกฝน มีความเคยชินกับระยะทางนี้มากกว่าผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นวิ่ง

  1. มาราธอน (Marathon) หรือ ฟูลมาราธอน (Full Marathon)

มาราธอน หรือ ฟูลมาราธอน คือ การวิ่งที่มีระยะทาง 42.195 กิโลเมตร เป็นระยะทางที่นักวิ่งทุกคนใฝ่ฝันจะได้ลงแข่งประเภทนี้ ซึ่งการวิ่งมาราธอนนั้นจะต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนัก การเตรียมตัวอย่างดี ต้องมีความทนทานของร่างกาย ระบบกล้ามเนื้อ ระบบหายใจ การวิ่งระยะนี้จึงเหมาะกับผู้ที่เป็นนักวิ่งมืออาชีพมากกว่านักวิ่งสมัครเล่น 

  1. อัลตร้ามาราธอน (Ultra Marathon)

อัลตร้ามาราธอน คือ การวิ่งที่มีระยะทางมากกว่า 42.195 กิโลเมตรขึ้นไป ซึ่งอาจจะเกิน 100 กิโลเมตรก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าในการแข่งวิ่งประเภทนี้นั้นจะต้องเป็นนักวิ่งมืออาชีพที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดี ในการแข่งวิ่งประเภทนี้ไม่ได้มีแค่ระยะทางที่เพิ่ม แต่เวลาที่ใช้ในการวิ่งก็จะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย หากไม่ได้รับการฝึกฝนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

  1. ซิตี้รัน (City Run)

ซิตี้รัน คือ การวิ่งไปตามถนน ริมทาง ตรอก ซอก ซอยต่างๆ เพื่อให้ได้สัมผัสบรรยากาศชุมชนในขณะที่วิ่ง ไม่มีระยะทางที่แน่นอน เหมือนเป็นการจัดทริปวิ่งเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการวิ่ง ให้มีความสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ

  1. ครอสคันทรี (Cross Country)

ครอสคันทรี คือ การวิ่งที่มีระยะทาง 4-12 กิโลเมตร แต่เป็นการวิ่งบนเส้นทางวิบากไม่ว่าจะเป็น วิ่งขึ้นเขา วิ่งเข้าป่า วิ่งลุยน้ำลุยโคลน แม้กระทั่งวิ่งผ่านทุ่งหญ้า ซึ่งการวิ่งประเภทนี้เหมาะกับนักวิ่งสายธรรมชาติ 

  1. เทรลรันนิ่ง (Trail Running)

เทรลรันนิ่ง คือ การวิ่งบนเส้นทางขึ้นเขาหรือวิ่งบนเส้นทางที่เป็นเนิน ซึ่งจะมีความคล้ายกับ ครอสคันทรี แต่เทรลรันนิ่งจจะมีเส้นทางในการวิ่งที่ชันมากกว่า ต้องมีการใช้อุปกรณ์เพื่อช่วยในการปีนป่าย หรือเดินป่า

  1. สปาร์ตัน (Spartan)

สปาร์ตัน คือ การแข่งขันวิ่งบนเส้นทางวิบากที่ต้องมีการฝ่าด่านต่างๆตามสนามแข่งได้กำหนดไว้ ไม่ต่างจากการฝึกทหารที่นอกจากจะต้องวิ่งแล้วยังมีการคลาน การหมอบ การดึง การลาก รวมไปถึงการปีนป่ายด้วย ซึ่งจะต้องผ่านด่านต่างๆไม่ว่าจะเป็นลวดหนาม กำแพง โคลน ต้นไม้ เนินเขา หรือลุยน้ำ สปาร์ตันจึงเหมาะกับนักวิ่งที่ชอบความท้าทาย การผจญภัยเป็นอย่างยิ่ง

10.ไตรกีฬา (Triathlon)

ไตรกีฬา คือการแข่งขันที่มีการผสมผสานกีฬา 3 ประเภทเข้าด้วยกัน ได้แก่ การวิ่งมาราธอน การปั่นจักรยาน และการว่ายน้ำ ไตรกีฬา ค่อนข้างเป็นการแข่งขันที่โหด ผู้ที่จะลงแข่งนอกจากจะต้องฝึกฝนมาอย่างดีแล้วยังจะต้องมีความสามารถในการเล่นกีฬาทั้ง 3 ประเภทด้วย 

การวิ่งนั้นเป็นการออกกำลังที่ดี นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังเพิ่มความทนทานให้กับร่างกาย แต่การวิ่งควรอยู่ในความพอดีไม่เกินขีดจำกัดของตัวเอง หากมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ หากอยากวิ่งในระยะทางที่มากขึ้นก็ควรจะต้องได้รับการฝึกฝนที่มากเช่นกัน  

 

 

สนับสนุนโดย    สมัครเว็บ ufabet

You may also like