มาร์โก ฟาน กิงเคล เตรียมโบกมือลา เชลซี หลังจากร่วมงานกันมานานมากกว่า 8 ปี 

         เชื่อว่าหลายคนอาจจะรู้ว่า  มาร์โก ฟาน กิงเคล เป็นนักฟุตบอลให้กับทีมสโมสรเชลซีเชื่อว่าหลายคนคงจะเห็นแล้วว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักฟุตบอลให้กับทีมสโมสรเชลซีแต่เขาไม่เคยที่จะลงเล่นให้กับทางทีมสโมสรเชลซีเลย   สาเหตุนั้นก็เพราะว่าทางด้านสโมสรเชลซีนั้นได้มีการส่งมอบตัวมาร์โก ฟาน กิงเคล ไปให้กับทีมสโมสรฟุตบอลอื่นๆในการยืมตัวไปทำการแข่งขันกีฬาฟุตบอลนั่นเอง

        มีการรายงานข่าวออกมาล่าสุดเกี่ยวกับมาร์โก ฟาน กิงเคล และสโมสรเชลซีว่าในขณะนี้มีแนวโน้มและความเป็นไปได้สูงมากที่มาร์โก ฟาน กิงเคล เตรียมจะบอกมือลาทีมสโมสรเชลซีอย่างถาวร  โดยปัจจุบันนี้ มาร์โก ฟาน กิงเคล รับตำแหน่งหน้าที่ในการเล่นฟุตบอลอยู่ในตำแหน่งกองกลางเขาเป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์ที่ถูกซื้อตัวมาร่วมทีมกับทีมสโมสรเชลซีเป็นระยะเวลานานถึง 8 ปีแล้วแต่อาจเรียกได้ว่าแฟนบอลของเชลซีไม่เคยเห็นเขาลงสนามการแข่งขันกับทางทีมเชลซีมาก่อนเลย

         เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น มาร์โก ฟาน กิงเคล ถูกปล่อยให้สโมสรอื่นยืมตัวไปเรียกได้ว่าเขาแทบไม่เคยเล่นในสนามของเชลซีเลยสาเหตุที่เขาถูกฟังสโมสรเชลซีปล่อยให้ทีมสโมสรอื่นยืมตัวไปนั่นก็เพราะว่า มาร์โก ฟาน กิงเคล มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอดเวลาหลังจากที่ทางทีมสโมสรอื่นยืมตัวเขาไปใช้งานและที่สำคัญในฤดูกาลนี้เขาก็ยังไม่ได้มีการลงเล่นให้กับทีมสโมสรเชลซีเพราะถูกยืมตัวไปใช้งานเช่นเดียวกัน

            อย่างไรก็ตามเมื่อปีที่ผ่านมานั้นมาร์โก ฟาน กิงเคล ได้มีการต่อสัญญากับทางสโมสรเชลซีไปแล้ว 1 ปีแต่ในขณะนี้มีการเปิดเผยออกมาว่า มาร์โก ฟาน กิงเคล ไม่ต้องการที่จะต่อสัญญากับสโมสรเชลซีอีกต่อไปแล้วและต้องการที่จะปิดจ๊อบกับทางสโมสร Chelsea เพื่อไปทำการค้าแข้งกับทีมสโมสรพีเอสวี  ไอนด์โฮเฟ่น   ซึ่งสโมสรนี้เป็นสโมสรที่ เป็นสโมสรล่าสุดที่มีการยืมตัวเขาไปแข่งขันฟุตบอลให้และเขาก็ออกมาเปิดเผยว่าในขณะนี้เข้ารู้สึกชื่นชอบวิถีการใช้ชีวิตของคนในสโมสร พีเอสวี  ไอนด์โฮเฟ่น  เป็นอย่างมาก 

      นอกจากนี้เขายังใช้คำว่าตอนนี้เขาเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์ซึ่งนั่นหมายถึงว่ามีแนวโน้มเป็นไปได้สูงมากว่าเขานั้นจะไม่ต่อสัญญากับเชลซีนั่นเองอย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันจากทาง Chelsea ว่าสรุปแล้วจะมีการต่อสัญญา กับ  มาร์โก ฟาน กิงเคล หรือไม่ และในขณะเดียวกัน  มาร์โก ฟาน กิงเคล ก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการทำสัญญากับทาง  พีเอสวี  ไอนด์โฮเฟ่น  เหมือนกัน

 

สนับสนุนโดย   sa casino ฟรี300

Continue Reading

อัลลัน ซิโมนเซ่นสู่การเป็นนักเตะชาร์ลตันแอธเลติก

หากพูดชื่อของนักเตะอัลลัน ซิโมนเซ่นแล้วนั้นแน่นอนว่าหลายคนอาจจะต้องรู้จักเขาในการเป็นอดีตนักเตะในทีมสโมสรฟุตบอลระดับโลกอย่างบาเซโลน่าแน่นอนเพราะในตอนที่เขานั้นได้อยู่กับบาเซโลน่าก็ถือว่าเขาได้สร้างสรรค์ผลงานได้น่าชื่นชมอยู่เช่นกันและสามารถเป็นนักเตะที่คว้ารางวัลบังลงดอร์ได้หลังจากย้ายมาอยู่กับสโมสรบาร์ซ่าได้เพียง 1 ปีเท่านั้นและเขาก็พัฒนาและแสดงความสามารถที่เขานั้น

มีได้อย่างยอดเยี่ยมเสมอและสิ่งที่ทำให้เส้นทางในวงการฟุตบอลของเขานั้นเปลี่ยนไปก้เพราะว่ากฎของทีมเกี่ยวกับในเรื่องของนักเตะต่างชาติ ทำมห้ในตอนนั้นนักเตะที่ดูแล้วจะเป้นดาวรุ่งและเป็นนักเตะที่มีความสามารถมากกว่าเขานั้นก็คือดิเอโก มาราโดนาและเมื่อดิเอโก มาราโดนานั้นเข้าสู่สโมสรบาเซโลน่านั้นทำให้อัลลัน ซิโมนเซ่นมีความคิดและอยากที่จะย้ายทีมเพื่อไปเล่นยังทีมอื่นๆนั่นเอง สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเพราะการย้ายทีมในครั้งนี้ของเขานั้นเขาเลือกที่จะย้ายไปสู่ทีมฟุตบอลในลีกรองของอังกฤษเพียงเท่านั้น ทั้งที่ในตอนนั้นในเรื่องของความสามารถและฝีเท้าของเขาถือว่ายังสามารถที่จะไปเล่นยังสโมสรในลีกเบอร์หนึ่งของอังกฤษได้ด้วยซ้ำ

สโมสรฟุตบอลนั้นก็คือชาร์ลตันแอธเลตก ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลในลีกรองของอังกฤษในตอนนั้นนั่นเอง ซึ่งจุดเริ่มต้นนี้นั้นเกิดจากการที่อัลลัน ซิโมนเซ่นนั้นต้องการที่จะย้ายทีมและประธานสโมสรของชาร์ลตันแอธเลติกในยุคนั้นนั่นก็คือ Make Hulyer เขานั้นได้มีการคิดโปรเจ็คใหม่ขึ้นมาและเป็นเจ้าของสโมสรใหม่ในตอนนั้น เขาได้พยายามที่จะจัดการกับทีมแบะหวังว่าจะปลุกวิญญาณให้กับของชาร์ลตันแอธเลติกให้กลับคืนมาและสามารถโลดแล่นเป็นทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

ทำให้ชาร์ลตันได้มีการยื่นข้อเสนอให้กับทางบาเซโลน่าในการจะคว้าตัวอัลลัน ซิโมนเซ่นด้วยมูลค่า 325,000 ปอนด์ หลายๆฝ่ายได้มีการแสดงความคิดเห็นและดูถูกชาร์ลตันแอธเลติกอย่างมากที่กล้าใช้เงินมหาศาลในการซื้อตัวอัลลัน ซิโมนเซ่น เพราะในตอนนั้นทีมก็ไม่ได้มีผลงานที่ดี ทำให้ไม่เห็นถึงโอกาสในการที่จะลุ้นการเลื่อนชั้นหรือการเป็นแชมป์เลยด้วยซ้ำ

แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้อัลลัน ซิโมนเซ่นนั้นย้ายมาสู่ชาร์ลตันแอธเลติกนั้นก็คือการเบื่อหน่ายกับการคาดหวังที่สูงจากทีมสโมสรที่ยิ่งใหญ่เพราะเขานั้นได้รับแรงกดดันจากแฟนบอลของบาเซโลน่ามาอย่างมาก ทำให้เขานั้นเลือกที่จะหาจุดที่ผ่อนคลายให้กับชีวิตหลังจากที่เขานั้นได้ก้าวสู่จุดสูงสุดของวงการอาชีพฟุตบอลของเขาแล้วนั่นเองและเขาเพียงต้องการความสุขที่จะได้เล่นฟุตบอลเพียงเท่านั้น และนี่ก็เป็นเหตุผลอีกหนึ่งเหตุผลที่อัลลัน ซิโมนเซ่นนั้นต้องการย้ายทีมจากบาเซโลน่าสโมสรฟุตบอลยิ่งใหญ่สู่สโมสรชาร์ลตันแอธเลติกสโมสรฟุตบอลในลีกรองของอังกฤษนั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20

Continue Reading

ริวัลโด้ เส้นทางสู่การเป็นตำนาน

สำหรับตำนานในวงการฟุตบอลนั้นคือนักเตะที่มีความสามารถและสามารถสร้างสรรค์เกมส์ในการเล่นได้อย่างน่าสนใจและเป็นที่จดจำของแฟนบอลและคนทั่วโลก สำหรับตำนานแข้งแห่งยุโรปนั้นก็คงจะนึกถึงใครไม่ได้นอกจากเขาคนนี้ ริวัลโด้เพราะเขานั้นเป็นนักเตะที่มีราคาค่าตัวที่พุ่งไปสูงถึง 20,000 ล้านซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สุดโหดเอาการเลยทีเดียว

สำหรับริวัลโด้หรือชื่อเต็มของเขานั้นก็คือริวัลโด้ วีโตร์ บอร์บา เฟรเรย์รา เขานั้นถือกำเนิดที่ประเทศบราซิลในปี 1972 เขานั้นชื่นชอบในการเล่นฟุตบอลและได้เริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในช่วงอายุ16ปี เขานั้นไก้เข้าร่สมและฝึกฝนกับสโมสรเปาลิสตานูในช่วงปี 1989 เขานั้นได้โชว์ความสามารถและทักษะที่เขานั้นมีที่โดเด่น

และเหนือกว่านักเตะในรุ่นเดียวกัน ด้วยความถนัดเท้าซ้ายของเขานั่นเองจึงทำให้เขาได้รับความน่าสนใจอย่างมากและในปีนั้นเองพ่อของเขาได้ถูกยิงเสียชีวิตซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างมากแต่ริวัลโด้นั้นก็มีจิตใจที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งทำให้เหตุการณืในครั้งนั้นไม่ได้มีความกระทบต่อฟอร์มการเล่นของเขาแต่อย่างใด

จนกระทั่งเขานั้นได้เซ็นสัญญาเพื่อร่วมทัพกับโมฌีมีริงเป็นทีมที่อยู่ในการแข่งขันในลีกดิวิชั่นสองของบราซิล ในปี1993 ริวัลโด้ได้รับโอกาสจากการถูกยืมตัวเพ่อไปเล่นให้กับทีมคอรินเทียนส์ซึ่งเป็นทีมที่อยู่ในลีกสูงสุดและนั่นเองทำให้เขานั้นได้สัมผัสกับการเล่นในดิวิชั่นที่สูงที่สุดของประเทศเป็นครั้งแรกและเขาสามารถแสดงฝีเท้าได้อย่างยอดเยี่ยม

จนไปเข้าตาแมวมองของทีมปัลเมย์รัสซึ่งในตอนนั้นทีมนี้มทีดีกรีเป็นถึงแชมป์ลีกสูงสุดด้วยและเมื่อเขานั้นย้ายมาแน่นอนว่าเขาสามารถโชว์ฝีเท้าได้อย่างดีและมีส่วนช่วยป้องกันแชมป์ลีกได้และในครั้งนั้นถือว่าเป็นการแจ้งเกิดของเขาและเป็นการที่เขานั้นได้ประสบความสำเร็จในก้าวแรกด้วย

จนกระทั่งในช่วงปี 1996 เขานั้นได้ย้ายมาค้าแข้งในยุโรปและก้าวแรกในการเข้ามาสู่ยุโรปของเขานั้นก้คือการเข้าร่วมทีมสโมสรในสเปนก็คือสโมสรลาโกรุณญา ซึ่งในตอนนั้นริวัลโด้นั้นมีอายุในวัย24ปีโดยเขานั้นถูกซื้อมาในราคา12.5ล้านยูโร เขานั้นได้แสดงความสามารถออกมาอย่างยอดเยี่ยมในปีแรกของการค้าแข่งในยุโรปนั้น

เขาก็สามารถยิงประตูจนได้รับตำแหน่งดาวน์ซัลโวอันดับที่4ของลีกของรายการแข่งขันไปได้ด้วยการยิงประตูไปทั้งหมด21ประตูด้วยการลงเล่นทั้งหมด41นัดและพาให้ลาโกรุญญานั้นสามารถจบได้ที่อันดับ3ของตารางการแข่งขัน ทำให้ฟอร์มการเล่นของเขานั้นร้อนแรงมากขึ้นจนกระทั่งไปเข้าตาสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างบาเซโลน่าและสุดท้ายบาเซโลน่านั้นก็ซื้อตัวเขาไปในราคา 24 ล้านยูโร ทำให้กราฟแห่งความสำเร็จของเขานั้นพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆและเขาก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเสมอมาตลอดการค้าแข้งของเขาในช่วงนั้น

 

สนับสนุนโดย  gclub

Continue Reading

แนวความคิดของนักเตะระดับโลก

เรื่องรางและแนวคิดของนักเตะระดับโลก โรบิน ฟานเพอร์ซีย์อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เปลี่ยนแนวความคิดไปตลอดกาลได้ สำหรับโรบิน ฟานเพอร์ซีย์นั้นในครั้งที่เขาได้ย้ายเข้ามาสู่การเป้นผู้เล่นของสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างอาเซนอลในช่วงแรกของการย้ายมานั้นถือว่าเขาเป็นนักเตะในระดับดาวรุ่งและมีพรสวรรค์ทางด้านกีฬาฟุตบอลอย่างมากแต่ก็ต้องยอมรับว่าในยุคนั้นทีมอาเซนอลก็เต็มไปด้วยนักเตะในระดับตัวท็อปของโลกโดยเฉพาะนักเตะดาวรุ่งรุ่นพี่กองหน้าของอาเซนอลในขณะนั้นก็คือ แบร์คกัมป์ 

ในตอนแรกฟานเพอร์ซีย์นั้นก็คิดว่าพรสวรรค์และความสามารถของตัวเองที่มีนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้ว แต่เมื่อเขาได้ย้ายมาอยู่อาเซนอลและเห็นการเล่น

และการฝึกซ้อมของแบร์คกัมป์ ทำให้เขานั้นเปลี่ยนความคิดไปเลยในทันที ในตอนแรกนั้นฟานเพอร์ซีย์มีความคิดในขณะที่ฝึกซ้อทว่าเขานั้นจะเล่นและทำเกมส์ก็ต่อเมื่อที่แบร์คกัมป์นั้นพลาด แต่ปรากฎมาในช่วงเวลาการฝึกซ้อม45นาทีนั้นแบร์คกัมป์ไม่พลาดจากการทำประตูเลยสักครั้งเดียว นั่นหมายความว่าตลอดระยะเวลา 45 นาที ในการฝึกก็คือไม่มีครั้งไหนเลยที่แบร์คกัมป์นั้นพลาดการจ่ายและการทำประตูนั่นเอง ทำให้ฟานเพอร์ซีย์นั้นมองว่าเป้นที่น่าเฟอร์เฟ็คที่สุด

ฟานเพอร์ซีย์ยังพูดต่อว่าเขานั้นคอยดูว่าแบร์คกัมป์จะพลาดเมื่อใดแต่สิ่งที่ปรากฎก็คือเขาไม่พลาดเลย สิ่งที่น่าสนใจและทำให้ฟานเพอร์ซีย์นั้นตกใจก็คือ ความคิดและทัศนคติของแบร์คกัมป์ เพราะถึงแม้ว่าการเล่นฟุตบอลนั้นเขาจะสามารถทำประตูได้ทุกลูกและโอกาสในการผิดพลาดนั้นแทบจะเป็นศูนย์ แต่สิ่งหนึ่งที่ฟานเพอร์ซีย์สนใจและนำความคิดและทัศนคติของแบร์คกัมป์มาใช้นั้นคือการที่เขานั้นยังไม่พอใจในฝีเท้าและการเล่นของเขาแม้สักนิดเดียว เขาต้องการทำมันให้ดีกว่านี้

ทำให้ฟานเพอร์ซีย์มองเห็นตัวเองและพยายามฝึกฝนที่จะพัฒนาตัวเองนั้นให้เก่งแบบแบร์คกัมป์ เขายังพูดต่อว่าหลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่เขาได้พูดคุยกับแบร์คกัมป์ การฝึกซ้อมและฝึกฝนของเขา เขาได้ทุ่มเทและทำมันอย่างเต็มที่มากขึ้นมีความมุ่งมั่นที่จะฝึกซ้อมมากขึ้นและทำทุกวันให้เป็นเหมือนการแข่งขันเสมอ สิ่งหนึ่งที่ฟานเพอร์ซีย์นั้นคิดอยู่เสมอก็คือ การแข่งขันกับตัวเองและทำทุกอย่างให้ออกมาเฟอร์เฟ็คที่สุดและต้องตรงกับความต้องการของตัวเองและไม่มานั่งเสียใจที่หลัง

สิ่งเหล่านี้นั่นเองจึงเป็นที่มาที่ทำให้เขานั้นสามารถขึ้นมาสู่การเป็นนักเตะในระดับท็อปของโลกได้อย่างรวดเร็ว เพียงปรับความคิดและทัศนคติที่มี เพียงเท่านี้ก็จะกลายเป็นนักเตะที่ไร้ขีดจำกัดในตัวเองได้

 

 

สนับสนุนโดย    บาคาร่า sa

Continue Reading