บุรีรัมย์ยูไนเต็ดถูกกักตัว 42 คน  กำลังเป็นประเด็นดังอยู่ในขณะนี้เกี่ยวกับทีมสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ดซึ่งทางด้านกระทรวงสาธารณสุขได้มีการตรวจสภาพร่างกายของนักกีฬาก่อนที่จะมีการลงแข่งกีฬาไทยลีกและแน่นอนว่ามีจำนวนนักกีฬาที่จะร่วมการแข่งขันทั้งสิ้นพันกว่าคนที่มาทำการตรวจสภาพร่างกาย

และการคัดกรองหาไวรัสโคโรน่าหนึ่งในนั้นเป็นนักกีฬาของทีมสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด

ซึ่งทางด้านกระทรวงสาธารณสุขสามารถตรวจพบหาเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งผลตรวจออกมากลายเป็นบวกทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนที่นักฟุตบอลคนดังกล่าวเดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทยนั้นก็มีการคัดกรองไว้แล้วที่สนามบินสุวรรณภูมิและผลการคัดกรองในครั้งนั้นผลออกมาเป็นลบ

แต่เมื่อเวลาผ่านไป 30 วัน ปรากฏว่านักฟุตบอลคนดังกล่าวนั้นกลับมีเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งผลออกมาเป็นบวกและแน่นอนว่าตั้งแต่เขาเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเขาก็ไม่ทำกิจกรรมต่างๆมากมายรวมถึงได้มีการเข้าแข่งขันกีฬาไปแล้วประมาณ 2-3 นัดด้วยกัน

ซึ่งผลที่ตามมาหลังจากที่เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่าในตัวของเขาพบนั้นทำให้นักฟุตบอลในทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ดพร้อมกับทีมงานที่ทำงานอยู่ในทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ดนั้นถูกเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขร้องขอให้มีการกักตนเองเป็นระยะเวลา 14 วันเพื่อเธอจะได้มีการตรวจคัดกรองเชื้ออีกครั้งหนึ่งว่ามีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือไม่

ซึ่งกลุ่ม 42 คนนี้คือกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงมากเนื่องจากว่าอยู่ใกล้ชิดกับนักฟุตบอลชาวต่างชาติคนดังกล่าวที่มีเชื้อไวรัสโคโรน่ากับอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีประมาณ 569 คนซึ่งมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำที่จะติดเชื้อแต่ก็ยังต้องมีการเฝ้าระวังกลุ่ม 500 กว่าคนนั้นด้วยเช่นเดียวกัน

          อย่างไรก็ตามแต่ถึงแม้ว่าจะมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาแต่ทางด้านสหพันธ์ฟุตบอลเองก็ออกมายืนยันแล้วว่าการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกจะยังคงมีการจัดการแข่งขันต่อไปและถ้าหากทางด้าน เจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขตรวจคัดกรองเสร็จแล้วและไม่พบผลออกมาเป็นบวกงั้นแสดงว่านักฟุตบอลเหล่านั้นไม่ได้มีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องมีการกักตัวพวกเขาเหล่านั้นหรือยุติการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกเพราะมันจะกระทบกับหลายส่วนเป็นอย่างมากดังนั้นการแข่งขันจึงจะมีการตัดต่อไปตามตารางการแข่งขันที่มีการวางแผนกันเอาไว้แล้ว

ส่วนกลุ่มนักกีฬาที่มีการถูกกักตัว 42 คนของทางทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ดนั้นจะมีการเตรียมสถานที่เอาไว้ให้นักกีฬาพักอยู่รวมกันอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ซึ่ง กลุ่มคนเหล่านี้ยังไม่ได้มีการพบเชื้อไวรัสเพียงแต่เป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงนั่นเองซึ่งพวกเขาก็ยังสามารถที่จะลงแข่งขันกีฬาไทยลีกได้ตามปกติเช่นเดียวกันเพียงแต่ว่าการใช้ชีวิตก็อาจจะต้องระมัดระวังมากขึ้นเนื่องจากจะต้องมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยและทำความสะอาดพื้นที่ที่อยู่ด้วยการฆ่าเชื้อให้บ่อยๆนั่นเอง

สนับสนุนโดย.  ufabet เว็บหลัก

         เมื่อวันที่ 6 เดือนพฤศจิกายนปีพศ 2563   ทางด้านสโมสรฟุตบอล  ทรูแบงค็อกยูไนเต็ด ได้มีการ เรียกสื่อมวลชนให้ไปฟังแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการที่ทางด้านสโมสรนั้นได้มีการรับโค้ดใหม่เข้ามาโดยให้มาทำตำแหน่งหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของทางทีม 

ซึ่งแน่นอนว่าก่อนหน้านี้เรารู้กันอยู่แล้วว่าผู้ที่จะมารับตำแหน่งในครั้งนี้นั่นก็คือนาย ธชตะวัน  ศรีปานซึ่งก่อนหน้านี้เขาดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนนักกีฬาของทีมชาติไทยโดยเป็นทีมชาติทีมใหญ่นั่นเอง

        และเมื่อไม่กี่วันก็เพิ่งได้มีการประกาศอำลาทีมชาติไทยไปซึ่งทางด้านสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยยังได้มีการอวยพรให้เขานั้นประสบความสำเร็จกับทีมใหม่ที่ย้ายมา  Ufabet เข้าสู่ระบบ  ซึ่งในวันนี้เองทางด้านสโมสรทรูแบงค็อกยูไนเต็ดก็ได้มีการออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าเขา นาย ธชตะวัน  ศรีปาน ได้บรรลุข้อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นั้นทาง นาย ธชตะวัน  ศรีปาน จะเข้ามารับตำแหน่งใหม่ทันที  ซึ่งการทำงานในครั้งแรกของทางด้านนาย ธชตะวัน  ศรีปาน จะเป็นการคุมทีมให้นักกีฬาฟุตบอลนั้นเข้าไปคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยช้างเอฟเอคัพ 2020   ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้ทางด้านสโมสรทรูแบงค็อกยูไนเต็ดจะเป็นฝ่ายเปิดบ้านให้ทางด้านมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตเอฟซี เดินทางมาแข่งขันถึงที่บ้านเลยทีเดียว

       อย่างไรก็ตามในการแถลงการณ์ในครั้งนั้นก็ได้มีการพูดถึงในเรื่องของการตัดสินใจของทางด้านนาย ธชตะวัน  ศรีปาน พวกเขามีความรู้สึกอย่างไรถึงได้มีการตัดสินใจ

ที่จะย้ายมาอยู่กับทีมฟุตบอลทรูแบงค็อกยูไนเต็ดในครั้งนี้และแน่นอนว่าเขายืนยันว่าเขาจะทำการฝึกสอนนักกีฬาฟุตบอลในทีมให้แข็งแกร่งและสามารถคว้าแชมป์มาให้ได้จะทำให้ทีมสโมสรฟุตบอลทรูแบงค็อกยูไนเต็ดประสบความสำเร็จให้ได้ในขณะที่เขานั้นยังคงเป็นโค้ชคุมทีมของสโมสรนี้อยู่

        ส่วนทางด้านประธานสโมสรฟุตบอลของทรูแบงค็อกยูไนเต็ดเองก็ออกมาพูดถึงการตัดสินใจที่เลือกนาย ธชตะวัน  ศรีปาน กลับเข้ามาทำงานอีกตั้งสโมสรว่ามั่นใจว่า  นาย ธชตะวัน  ศรีปาน มีศักยภาพมากพอที่จะสามารถพานักฟุตบอลในทีมไปคว้าแชมป์ได้  เนื่องจากว่าเขาได้เห็นแล้วว่าที่ผ่านมานั้น

ทางด้านนาย ธชตะวัน  ศรีปาน  มีความเก่งมากแค่ไหนก็มีเทคนิคมากมายและยังสามารถที่จะเข้าถึงตัวนักเตะได้อีกด้วยเพราะฉะนั้นมุมมองของทางผู้บริหารจึงมองว่านาย ธชตะวัน  ศรีปานเป็นผู้ที่มีศักยภาพมากพอที่จะสามารถมาเป็นผู้คุมทีมให้กับทีมทรูแบงค็อกยูไนเต็ดนี้ได้