Nene อันดับ 9 สุดยอดนักเตะของทีมชาติโปรตุเกส

สมัยก่อนใครที่สร้างชื่อเก่งจากทีมชาติโปรตุเกสนั้นก็มักจะสร้างชื่อจากทีมสุดเทพอย่าง เบนฟิก้า กันทั้งนั้น แล้วนักเตะรุ่นเก่าสุดเก๋าคนนี้ก็เช่นกัน หน้าพี่แกก็ดูเหมือนลุงเหมือนอย่าง เฟอร์นันโด เหมือนกันนะเนี่ย แต่ก็เด็กกว่าหน่อย แต่ต้องขอบอกเลยว่าประวัตินักเตะคนนี้นั้น เป็นประวัตินักเตะในตำนานแบบคลาสสิคเลยล่ะ ด้วยเหตุนี้ต้องถือว่าเขานั้นเป็นนักเตะที่แฟนๆทีม เบนฟิก้า รักและยกย่องที่สุดในประวัติศาสตร์นักเตะของโปรตุเกสทั้งหมดเลยก็ว่าได้

ฉายาที่เขาได้รับนั้นก็คงได้มาจากการที่เขานั้นเป็นนักเตะที่รักที่จะอยู่กับทีมๆเดียวตั้งแต่เริ่มเตะบอลอาชีพยันกลายเป็นตำนานแขวนสตั๊ดไปกับทีมๆเดียวนี้ ชื่อเต็มของพี่แกคือ ทามัคนีนี่ มานูเอล โกเมส บาติสต้า แหม่ชื่อจะยาวอะไรขนาดนี้ แถมแอมมีชื่อท้ายเท่ๆอีกด้วย ฉายาที่แฟนบอลลีกโปรตุเกสมอบให้พี่แกก็คือ มิสเตอร์วันแมนคลับ

นั้นก็คือการอยู่กับสโมสรเดียวตั้งแต่เป็นเด็กฝึก ปุกปั้นตัวเองจนขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวจริงให้กับทีมสร้างผลงานอย่างมากมาย ไม่มีใครบนโลกนี้เล่นให้กับทีมทีมเดียวเยอะเท่าเขาอีกแล้วมั้ง เล่นลงสนามให้กับทีม เบนฟิก้ากว่าสี่ร้อยนัด แล้วก็ยังยิงยับไปเกือบสามร้ายลูกอีก สุดยอดจริงๆ

เป็นตำนานอย่างแท้จริงที่ไม่มีใครเทียบได้เลย จนสุดท้ายเขาก็ยังลงเล่นให้กับเบนฟิก้าจนถึงวันที่เขาเลิกเตะบอลไปเลยทีเดียว ตำนานของเข้านั้นถูกเล่าขานในความจงรักภักดีกับทีมทีมเดียวอย่างมาก แล้วผลงานในฐานะนักเตะทีมชาติโปรตุเกสแล้วก็ไม่เลวทีเดียว ด้วยการลงสนามเล่นไปถึงเกือบเจ็ดสิบแล้วยังยิ่งไปอีก 22 ลูก

นักเตะแบบนี้แหละที่เหมาะจะเอาเป็นเยี่ยงอย่างเล่นเพราะอยากเล่น เล่นเพราะรักในทีมอย่างจริงจัง ไม่งอแงอยากเพิ่มค่าตัวด้วยการย้ายไปทีมนู้นทีมนี้ การอยู่ในทีมเดียวนานๆก็จะทำให้ตัวนักเตะคนนั้นคุ้นเคยกับทีมเป็นที่สุดอีกด้วย 

 

ขอขอบคุณเรื่องราวเหล่านี้มาจาก   จุดอ่อนบาคาร่า

Continue Reading

ลูกากู เผยโซลขาต้องการให้ผมอยู่ต่อ

โรเมลู ลูกากูกล่าวว่า จริงแล้ว โซลชาต้องการให้ผมอยู่ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดต่อไป แต่เขาไม่สามารถการันตีกองหน้าตัวจริงให้ผมได้ ผมจึงต้องไป 

ลูกากูย้ายไป อิตาลี เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หลังจากที่ลงสนามเล่นที่แมนยุ มากกว่า 2 ปี

กุนซือของแมนยู โซลชากล่าวเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่ปล่อย ลูกากูออกไป เพราะว่าทีมมีกองหน้าดาวรุ่งคนใหม่อย่างเมสัน กรีนวู้ดแล้ว 

จากการให้สัมภาษณ์กับ เอียน ไรท์ ลูกากูได้กล่าวว่า ปีที่แล้วมันเป็นปีที่ย่ำแย่ของผมในการเล่นฟุตบอลเลยทีเดียว เพ

มันเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากสำหรับตัวผม เพราะผมต้องการลงสนามเล่นฟุตบอล จริงๆแล้ว โอเล่ต้องการผมให้อยู่ต่อ แต่ว่าตอนนั้นเหมือนผมหมดใจที่จะเล่นให้ทีมแล้ว ผมเลยบอกเขาไปว่าโซลชาเป็นคนเดียวที่จะช่วยให้ผมย้ายทีมได้ 

หลังจากที่มีการแข่งขันช่วงต้นฤดูกาล แมนยูยังอยู่ในฟอร์มลุ่มๆดอนๆ ยังไม่อยู่อันดับหนึ่งในสี่ แต่ว่าพวกเขาก็ยังอยู่ในเส้นทางของฟุตบอลเอฟเอคัพและ ยูโรป้าลีก ก่อนการแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่า

ลูกากูกล่าวว่า ผมคิดว่าโอเล่ทำงานของเขาได้ดีแล้ว เขาเลือกนักเตะที่เหมาะสม ผลการแข่งขันกำลังไปได้ดี ผมขออวยพรให้แมนยูทำผลงานได้ดีที่สุด 

ที่นั่นให้โอกาสแก่ผม โดยที่ผมไม่เคยได้พบเจอมาก่อนเลย ดังนั้นผมให้ความเคารพต่อทีมแมนยูเสมอ ผมไม่มีความคิดที่จะเล่นให้ทีมอื่นๆ ในอังกฤษเลย 

ลูกากูมีผลงานที่ไม่ธรรมดาเมื่อยิงได้กว่า 42 ประตูจากการลงสนาม 96 เกมให้ทีม โดยเมื่อเขาย้ายมาเล่นที่อิตาลีเขาก็ยิงประตูได้เยอะมากคือ ลงสนาม 35 เกมยิงได้ 23 ประตู

นักเตะวัย 26 ปีกล่าวว่าเขาต้องการลงสนามอย่างต่อเนื่องจึงคิดว่าจะย้ายมาเล่นที่อิตาลี กับอินเตอร์ มิลานหรือยูเวนตุส แต่ว่าฝั่งของอินเตอร์ มิลานมีอันโตนิโอ คอนเต้ที่มีระบบการเล่นที่ตรงกับความต้องการของผม

นั่นทำให้ผมตัดสินใจย้ายมาที่อินเตอร์ เพราะผู้จัดการทีมนั้นเอง เมื่อผมเป็นเด็ก อินเตอร์ มิลานเป็นทีมที่ผมเฝ้าตามเชียร์ในบอลอิตาลี ผมดูอาเดรียโน่และโรนัลโด้ด้วย

ผมย้ายมาที่นี่เพราะว่าคอนเต้ ต้องการตัวผมตั้งแต่ที่อยู่เชลซีแล้ว ซึ่งผมคิดว่าผมควรจะย้ายมาเล่นภายใต้การคุมทีมของคอนเต้ เวลานี้ลูกากูต้องถูกกักตัวอีก 9 วันเนื่องจากอิตาลีล็อกดาวน์และเป็นประเทศที่ผู้ติดเชื้อมากสุดในยุโรป

 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  เว็บพนันบอลฝากขั้นต่ำ 100

Continue Reading

ผลกระทบไวรัสโคโรน่าต่อลีก MLS, liga MX 

จากการที่ไวรัสโคโรน่าแพร่กระจายไปทั่วโลกและอเมริกาก็มีผู้ติดเชื้อไวรัส covid-19 แล้ว โดยในทวีปยุโรปหลายลีกต้องเลื่อนโปรแกรมการแข่งขันออกไป  ไม่เว้นแม้กระทั่งพรีเมียร์ลีก ของอังกฤษ

ลีกอื่นบางลีกที่แข่งขันก็แข่งในระบบปิด แต่ลีกา MX ของเม็กซิโกยังคงแข่งต่อไป ส่วนฟุตบอลสโมสรยุโรปประกาศเลื่อนไปแล้วทั้งหมด ทั้งรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก และยูโรป้าลีก ส่วนการแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศของทวีปยุโรปขึ้นอยู่กับสมาคมฟุตบอลของชาตินั้นๆ จัดการ

ในอเมริกาใต้ ฟุตบอลสโมสรชิงแชมป์ระดับทวีป  อย่างฟุตบอลลิเบอร์ตาโดเรส และโคปา ซูดาเมริกาน่าถูกเลื่อนออกไป ขณะที่ฟุตบอลลีกบราซิลก็เช่นกัน ที่ต้องเล่นกันท่ามกลางสนามปิด จากการประกาศขององค์กรด้านสาธรารณสุขในแต่ละประเทศ โดยฟุตบอลยังแข่งต่อได้ แต่ไม่มีคนดูอย่างในลีกของ อาร์เจนตินา โบลิเวีย ชิลี ส่วนชาติที่ไม่อนุญาตให้มีการแข่งขันเช่น โคลอมเบีย เอกวาดอร์ เปรู ปารากวัย อุรุกวัย และเวเนซูเอล่า ที่ปิดลอดทั้งซีซั่น

โดยนักเตะและโค้ชของทีมฟุตบอลก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน อย่างอาร์เซนอล ประกาศออกมาเมื่อวันพฤหัสที่ 12 มีนาคมว่า มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมชาวสเปนมีผลตรวจเลือดเป็นบวก รวมถึงนักเตะยูเวนตุส ดานิเอเล รูกานี่และปีกเชลซี คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย นักเตะหลายทีมที่มีผลตรวจเลือดเป็นบวกแต่ไม่เปิดเผย เช่น บอร์นมัธ,เลสเตอร์ ซิตี้ และอื่นๆ

เกมฟุตบอลทั้งหมดที่ อเมริกายังคง shut down เพื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้เกม MLS ถูกเลื่อนออกไปโดยมีแผนจะแข่งวันที่ 21 มีนาคม ในคู่ของซีแอตเติลพบซาน โฮเซ่ เอิร์กเควกส์ 

ส่วนในรัฐโอไฮโอ ที่มีสโมสรฟุตบอลอย่างโคลัมบัส ครูว์และเอฟซี ซินซินเนติด รีไซด์ ก็ถูกห้ามเล่นที่สนามของตัวเองเป็นเวลา 30 วัน ขณะที่การแข่งขันในระดับดิวิชัน 2-3-4 ก็ประกาศเลื่อนการแข่งขันออกไปก่อนเช่นกัน

ที่เม็กซิโก ฟุตบอล liga MX ยังคงแข่งต่อได้ โดยมิเกล ลายุนนักเตะของทีมมอนเตอร์เรย์กล่าวว่าที่นี่ยังคงปลอดภัย ที่นี่มีการป้องกันที่ดี ผมไม่ใช่ผู้รู้เรื่องไวรัสหรอก แต่ผมมั่นใจว่ามาตรการป้องกันที่เข้มงวดจะทำให้ฟุตบอลของที่นี่ยังเล่นต่อไปได้

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีการแข่งขันฟุตบอลสองนัดแรกของฟุตบอล เคลาซูร่า ปี 2022 เป็นเกมที่โมเรเลียชนะเกเรตาโร่ 4-0 มีผู้ชมเข้าสนาม 17432 คน และคลับ ติฮัวน่าที่ชนะ ปาชูก้า 3-2 คนดู 16,333 คน และเกมที่พูมาสพบครูซ อาซูล เสมอกัน 0-0 มีคนเข้าขมกว่า 22,289 คนเมื่อวันเสาร์

แต่ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อไวรัสที่นั่นแล้ว 41 คนทำให้รัฐบาลขอร้องให้เลื่อนแข่งคู่ ติเกรสพบเอฟซี ฮัวเรซออกไป

 

Continue Reading

ท็อป 7 นักเตะเมื่ออาการบาดเจ็บทำลายอาชีพค้าแข้ง

การไม่ได้รับบาดเจ็บเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในอาชีพของการเป็นนักฟุตบอล แต่หลาย ๆ คนก็ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น เมื่อเว็บไซต์ Goal ได้โพสต์ว่าผู้เล่นคนไหนที่น่าจะไปได้ไกลกว่านี้ถ้าไม่เจอกับอาการบาดเจ็บเสียก่อน แน่นอนเลยว่าแฟนบอลทั้งหลายต่างกรูกันพิมพ์ชื่อ โรนัลโด้ หรือ R9 

แม้จะเจออาการบาดเจ็บขั้นสาหัสแต่ โรนัลโด้ ก็ประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ มิหนำซ้ำเขาก็ฝากผลงานส่วนตัวได้เยอะไม่แพ้กัน แต่ถึงกระนั้นเขาน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ถ้าไม่เจอกับปัญาดังกล่าว ซึ่งเห็นได้ว่าเขาโรยราลงไปมากในช่วงบั้นปลายอาชีพ อย่างไรก็ตามนอกเหนือจาก โรนัลโด้ แล้วเรามี 7 แข้งที่มองว่าน่าจะประสบความสำเร็จได้มากกว่านี้หากว่าไม่ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัว

  1. แจ็ค วิลเชียร์

วิลเชียร์ โด่งดังมาก ๆ เมื่อเขายังเป็นดาวรุ่ง โดยเกมที่เขาลงสนามให้กับ อาร์เซน่อล พบกับ บาร์เซโลน่า ยุคดรีมทีมในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนเหล่าแฟนบอลต่างใฝ่ฝันที่จะได้เห็นเขาก้าวไปเป็นตำนานของสโมสร นั่นทำให้มันเรื่องยากสำหรับ เดอะ กันเนอร์ส ที่ต้องแยกทางกับเขาในเวลาต่อมา แต่เหมือนกับปัญหาของเขายังไม่จบสิ้นเมื่อเขายังคงเจอกับปัญหาบาดเจ็บรบกวนตลอดเมื่อค้าแข้งกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในเวลานี้

  1. อาบู ดิยาบี้

ดิยาบี้ คล้ายกับ วิลเชียร์ ที่อาจจะโด่งดังได้มากกว่านี้กับตำแหน่งกองกลางที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับอาร์เซน่อล แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเจอกับอาการบาดเจ็บทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาอยู่ในโรงหมอมากกว่าในสนามเสียอีกหลังจากนั้น

  1. มาร์โก รอยส์ 

รอยส์ เหมือนจะโดนคำสาปกับทัวร์นาเท้นต์ใหญ่ ๆ โดยเฉพาะกับทีมชาติเยอรมนีที่เขาเคยพลาดทั้งฟุตบอลโลกและยูโร ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขามีโอกาสสูงที่จะได้ไปเล่นกับเพื่อน ๆ แม้ว่าผลงานของเขายังยอดเยี่ยมกันต้นสังกัด โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แต่เชื่อมันจะดีกว่านี้และประสบความสำเร็จมากกว่านี้ถ้าไม่เจอกับอาการเดี้ยง

  1. แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

สเตอร์ริดจ์ เกือบได้แชมป์พรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูล หลังจากประสานงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ หลุยส์ ซัวเรซ อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บทำให้เขาต้องถูกลดบทบาทลงจนถูกปล่อยยืมไปอยู่กับ เวสต์บรอมวิช ซึ่งเขาไม่สามารถทำประตูในลีกได้เลย และตอนนี้กำลังอยู่กับทีมในลีกตุรกีอย่าง แทร็บซอนสปอร์ ที่ตอนนี้ก็ยังคงเดี้ยงอยู่

  1. โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ 

ฮาร์กรีฟส์ ได้รับคำชื่นชมและตอบรับมากมาย เพราะเขาเป็นนักเตะอังกฤษที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นให้ บาเยิร์น มิวนิค อย่างไรก็ตามความโชคร้ายของเขาคือการเป็นนักเตะกระดูกยุงโดยเฉพาะตอนมาเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนเวลาต่อมาต้องระเห็จไปอยู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และตอนนี้แขวนสตั๊ดแล้ว

  1. ซานติ กาซอร์ล่า 

กาซอร์ล่า เกือบจะไม่ได้เล่นฟุตบอลอีกแล้ว แต่อย่างไรก็ตามด้วยความใจสู้เขาจึงกลับมาเล่นได้อีกครั้งหลังจากรักษามานานร่วมปี จนก้าวมาติดทีมชาติสเปนอีกครั้ง แต่เชื่อเลยว่าหากเขาไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก เขาคงจะประสบความสำเร็จมากกว่านี้

  1. เนย์มาร์

มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้ เนย์มาร์ ต้องการหลบหนีจากเงาของ ลิโอเนล เมสซี่ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ได้ไปไหนไกล ด้วยทัศนคติและประวัติการบาดเจ็บที่เพิ่มขึ้น ทำให้ เนย์มาร์ ยังไม่สามารถก้าวแซงหน้าอดีตรุ่นพี่บาร์เซโลน่าได้เลย 

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เปิดบัญชีคาสิโนขั้นต่ำ100

Continue Reading

สรุปสโมสรที่ทำกำไรได้เยอะสุด

สรุปสโมสรฟุตบอลที่ทำกำไรได้มากที่สุดในฤดูกาลนี้ 

จากผลสำรวจและทำการวิจัยจากสื่อต่างประเทศของโลก โดยวัดจากตลาดซื้อขายนักเตะเท่านั้น ไม่ได้วัดจากสปอนเซอร์หรือผลบริหารงาน ซึ่งจะมีทีมดังนี้

อันดับห้า เรดบูล ซัลบวร์ก เสริมทัพ ยี่สิบแปดล้านยูโร แต่ขายได้ หนึ่งร้อยสามล้าน เพราะอย่างที่ทราบกันดี  ว่าแค่สองคนอย่าง อาเก ฮาแลนด์ ย้ายไป ดอร์ทมุน กับ มินาโมโตะ ย้ายไป ซัลบวร์ก และต้องบอกว่ามีอาจหลายๆ ตัวที่ย้ายออกไป ซึ่งจากผลงานที่ดีของฟุตบอลแชมป์เปี้ยนลีก ทำให้พวกเค้าขายนักเตะได้แพงๆ

อันดับสี่ ทีมจากโปรตุเกส สปอรต์ติ้งลิสบอน เสริมทัพไป ยี่สิบเก้าล้านยูโร แต่ขายไปร้อยยี่สิบเอ็ดล้านยูโร ซึ่งยอดขายส่วนใหญ่ก็มาจาก บรูโน่ เฟอร์นันเดส ที่ย้ายไปสู่สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก็เกือบแปดสิบล้านยูโร

อันดับสาม อาแจ๊ก อันเตอร์ดัม ยอดกำไรเกือบสองร้อยล้าน นั่นก็มาจาก มัทธิเดอไลท์ กับ แฟรงค์กี้ เดอยอง เพราะจากผลงานจากฟุตบอลแชมป์เปี้ยนลีกทำให้สองคนนี้มีค่าตัวมหาศาล จริงๆ แต่แม้ขาดสองคนนี้ไป ผลงานลีกตอนนี้ก็ยังคงสุดยอดและเป็นอันดับหนึ่งอยู่

อันดับสอง เบนฟิก้า จากโปรตุเกส ได้เงินกำไร เกือบหนึ่งร้อยหกสิบหกล้าน กำไรมากกว่าครึ่งมาจาก เจา เฟลิซ์ ซึ่งย้ายไปแอตลิโก้ มาดริด ซึ่งเซ็นกันถึงเจ็ดปี และอีกหนึ่งก้อน ได้จากราอูล กิมิเนซ ซึ่งขายได้ถึง สี่สิบล้านยูโร แค่สองคนนี้ก็กำไรมหาศาลจริงๆ 

อันดับหนึ่ง ซึ่งเซอร์ไพรส์มากคือ สิงห์บูลเชลซี  ซึ่งปรกติเป็นทีมที่ชอบใช้เงิน แต่ผลจากการถูกแบน ทำให้พวกเค้าไม่สามารถซื้อนักเตะได้ ซึ่งนักเตะที่ขายได้มีมูลค่ารวมกว่าสองร้อยล้านยูโร ซึ่งต้องบอกว่านักเตะดาวรุ่งของเชลซี ที่ถูกดันขึ้นมานั้น กลับสร้างเซอร์ไพรส์ได้ดี ส่วนเงินก้อนใหญ่ที่สุดก็มาจาก เอเด็น อาร์ซา ซึ่งย้ายไปรีลมาดริด และดาวิด หลุยซ์ ที่ย้ายไปอาร์เซนอล และอีกหลายๆคนที่ย้ายออกไป

หากดูจากผลกระทบจากการขายนักเตะออกไปนั้น ต้องบอกว่า ห้าทีมที่ติดอันดับนี้ ยังถือว่าเงินที่ได้มาจากการขายนักเตะก็ไม่ได้ทำให้ทีมของพวกเค้าขาดศักยภาพไปแต่อย่างใด เพราะผลงานของ เรดบลู ซัลบวร์ก และ อาแจ๊กซ์ อัมเตอร์ดัม หรือเบนฟิก้า ก็ยังคงรั้งอันดับเป็นจ่าฝูงของฟุตบอลแต่ละประเทศอยู่แล้ว ส่วนสปอตติ้งลิสบอน ก็ยังคงรักษามาตรฐานในการเป็น บิ๊กทรีของศึกโปรตุเกส และสิงห์บลูเชลซี ก็ยังคงใช้ตัวผู้เล่นดาวรุ่งลุ้นเบียดพื้นที่แย่งโควต้าแชมป์เปี้ยนลีกได้เป็นอย่างดี

Continue Reading

วิเคราะห์ทีมชาติเดนมาร์ก

วิเคราะห์ทีมชาติเดนมาร์กในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปปี 2020

ทีมชาติเดนมาร์กหรือทีมโคนมเคยสร้างประวัติศาสตร์ และเทพนิยายในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปนี้มาแล้วเมื่อปี 1992 ซึ่งยุคนั้นต้องบอกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ทีมชาติเดนมาร์กไม่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายและด้วยเหตุการณ์ทางการเมืองทำให้ทีมชาติเดนมาร์กได้เป็นตัวแทน มาเล่นรอบสุดท้ายและสามารถคว้าแชมป์ได้ในบั้นปลายซึ่งทีมชุดนั้นสามารถเอาชนะทีมชาติเยอรมนีได้ด้วยประตู 1 ประตูต่อ 0 แล้วทีมยุคนั้นถือว่าเป็นทีมยุคประวัติศาสตร์ซึ่งมีคนอย่างสองพี่น้องไบรอัน เลาดู๊ปและไมเคิลเลาดรู๊ปและมียักษ์เดนส์เป็นผู้รักษาประตูอย่างปีเตอร์ ชไมเคิล

ทีมชาติเดนมาร์กผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาด้วยเป็นอันดับ 2 รองจากทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์เพียงแค่ 1 คะแนน และในรอบสุดท้ายนี้ได้จับฉลากร่วมกลุ่มกับ ทีมชาติเบลเยี่ยมทีมชาติรัสเซียและทีมชาติฟินแลนด์ ซึ่งดูจากรายชื่อเพื่อนร่วมกลุ่มแล้วนั้นเดนมาร์กมีโอกาสลุ้นที่จะเข้ารอบสอง ต่อไปเพราะว่าคงต้องแย่งแข่งขันกับทีมชาติรัสเซียเพื่อนร่วมกลุ่มเป็นอันดับที่สอง มาดูถึงรายชื่อของนักเตะทีมชาติเดนมาร์กนั้นประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตูแคสเปอร์ ชไมเคิล ลูกชายอดีตตำนานอย่างปีเตอร์ชไมเคิล

ส่วนกองหลังจะมีคริสเตนเซนจากสโมสรเชลซี และกองกลางคนสำคัญที่เพิ่งย้ายทีมไป หมาดๆ อย่าง Christian Eriksen จากสโมสรอินเตอร์มิลาน ส่วนกองหน้าจะมีนิโคไล ยอร์เกนเซ่นจากสโมสร เฟเยนูร์ด เป็นตัวนำทัพ ซึ่งบ่อนรับพนันอย่างถูกกฎหมายของ สื่อต่างประเทศ ยกให้ทีมชาติเดนมาร์กชุดนี้เป็นเต็งสิบเอ็ด ด้วยอัตราต่อรองที่แทงหนึ่ง จ่ายแปดสิบเอ็ด ต่อ และโปรแกรมนัดแรกของทีมชาติเดนมาร์กจะลงแข่งขันกันในวันที่ 13 มิถุนายนโดยเฉพาะกับทีมชาติฟินแลนด์จากนั้นนัดที่ 2 จะเจอของแข็งอย่างทีมชาติเบลเยี่ยมแข่งกันในวันที่ 18 มิถุนายนและนัดสุดท้ายเหมือนเป็นการชี้ชะตาการเข้ารอบว่าทีมชาติเดนมาร์กชุดนี้จะไปได้เข้ารอบ 2 หรือไม่ก็คือการเจอกับทีมชาติรัสเซียคู่แข่งตัวสำคัญในวันที่ 23 เดือนมิถุนายน

หากมาว่ากันนัดต่อนัดแล้วทีมชาติเดนมาร์กคงจะเก็บ 3 แต้มกับทีมชาติฟินแลนด์ได้ไม่ยากแต่ก็ไม่น่าจะรอดกับทีมชาติเบลเยียมเพราะฉะนั้นนัดสุดท้ายที่จะเจอกับรัสเซียเหมือนเป็น เหมือนเป็นการชี้ชะตาชีวิตว่าทีมเดนมาร์กชุดนี้มีดีพอที่จะสร้างเซอร์ไพรส์และสร้างตำนานเทพนิยายได้เหมือนสมัยรุ่นเก่าได้หรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจจะต้องฝากความหวังไว้กับนักเตะทีมคีย์แมนอย่าง คริสเตียน อิเร็กเซ่น ให้จ่ายบอลงามๆ ให้กับนิโคไล ยอร์เกนเซ่นพังประตูเพื่อพาทีมเข้ารอบไปให้ได้และก็หวังพึ่งความสามารถของแคสเปอร์ชไมเคิลให้เหนียวเหมือนอย่างที่พ่อเขาปีเตอร์ชไมเคิลเคยทำไว้นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เดนมาร์กผ่านเข้ารอบ 2 และมีโอกาสสร้างตำนานได้อีกสักครั้ง

 

Continue Reading

เรื่องน่ารักของ อีเกร์ คาซิยาส 

ต่อให้ในสนามคุณจะเป็นนักเตะที่เกรี้ยวกราดโวยวายใส่เพื่อนร่วมทีม หรือ พร้อมที่จะลุยและสู้กับฝ่ายตรงข้ามยังไง สุดท้ายแล้วเมื่อเกมการแข่งขันจบนั้น คุณก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีอารมณ์รัก อารมณ์อ่อนไหว เหมือนคนทั่วไป ยังเช่นผู้ชายคนนี้ 

อีเกร์ คาซิยาส สุดยอดผู้รักษาประตูแชมป์โลก และอีกหลายแชมป์ ของทีมชาติเสปน และทีมรีลมาดริด เพราะเค้ามักจะมีเรื่องราวน่ารักๆ ให้เป็นข่าวและทำให้แฟนบอลที่ติดตามเชียร์เค้า แอบหลงรักเค้ามากขึ้นเรื่อยๆ เช่น

เหตุการณ์ตอนได้แชมป์ฟุตบอลโลกปี 2010 ที่ตัวเค้าเองนั้นหลังจากรับเหรียญและถ้วยแชมป์โลกแล้วนั้น แฟนสาวซึ่งเป็นนักข่าวชาติเสปนที่ต้องไปทำข่าวฟุตบอลโลกนั้น มีคิวได้สัมภาษณ์กับ ผู้รักษาประตูคนนี้พอดี ซึ่งตลอดที่สัมภาษณ์นั้น 

คาซิยาส แทบจะพูดอะไรไม่ออก ไม่ว่านักข่าวสาวจะถามอะไรไป เค้าได้แต่จ้องหน้าแฟนสาวของเค้า ก่อนที่จะคว้าตัวเข้ามากอดและจูบแฟนตัวเอง ต่อหน้าทีวีที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกนั่นเอง ก็อย่างว่าอ่ะนะ ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด เราก็อยากแสดงออกมาซึ่งความรักกับคนที่เรารักใช่มั้ยหล่ะ และเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั้งคู่กลับมาที่เสปน และได้มาออกรายการทีวีคู่ด้วยกัน พิธีกรได้ถามแฟนสาวของคาร์ซิยาส ว่าปรกติคุณเชียร์ฟุตบอลทีมอะไร แฟนของนายประตูคนนี้ก็ตอบแบบน่าตาเฉยว่า เชียร์แอตมาดริด อ้าวงานเข้าสินั่น

เพราะทีมแอตมาดริด คือทีมคู่แข่งของราชันชุดขาว อย่างรีลมาดริด แต่แล้วแฟนสาวเจ้าเสน่ห์ของคาร์ซิยาส ก็พูดต่อว่า ทุกครั้งที่ทั้งสองทีมนี้เจอกัน เค้าก็ยังคงเชียร์แอตมาดริด แต่เค้าก็เชื่อว่านักเตะแอตมาดริด ยิงลูกบอลผ่านมือ แฟนสุดหล่อของเค้าไม่ได้หรอก นั่นไงหล่ะว่าแล้วทำไม่ นายด่านประตูอย่างคาร์ซียาส ถึงหลงรักนักข่าวคนนี้จนถึงแต่งงานอยู่กินด้วยกัน ก็เพราะเธอนี่มีมุขแพรวพราวนี่เอง

ส่วนอีกเรื่องที่แฟนบอลต้องยอมรับในตัวของผู้รักษาประตูคนนี้ก็คือ เค้าจะเป็นผู้นำที่คอยไกล่เกลี่ย นักเตะคู่รักคู่แค้นระหว่างสโมสรของเค้าเองอย่างรีลมาดริด และคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง บาร์เซโลน่า เมื่อนักเตะทั้งสองทีมต้องมาร่วมทีมชาติด้วยกัน ซึ่งก็เป็นคาร์ซียาสนี่แหละที่ทำให้นักเตะทั้งสองทีมรวมตัวด้วยกันได้ในทีมชาติเสปน เพราะนักเตะทุกคนต่างให้การยอมรับนับถือของชายผู้นี้ ที่มีความเป็นผู้นำและนิสัยที่ดี กับเพื่อนนักเตะทุกๆคนไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งในสนามนามสโมสรหรือ เพื่อนในนามทีมชาตินั่นเอง

 

สนับสนุนโดย สมัคร gclub slot ไม่มีขั้นต่ำ

Continue Reading

5 สิ่งที่แฟนบอลลิเวอร์พูลหลงรัก เจมส์ มิลเนอร์

ด้วยความทุ่มเท การทำงานหนัก ไม่อิดออด แม้จะด้วยฐานะตัวจริงหรือตัวสำรอง เจมส์ มิลเนอร์ เต็มที่กับอาชีพนักฟุตบอลของตัวเองอยู่เสมอ และมันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เขาเป็นขวัญใจของแฟนบอล โดยเฉพาะกับเหล่า เดอะ ค็อป ซึ่งเราได้รวบรวม 5 เรื่องราวที่ทำไมเขาถึงเป็นที่หลังรักของแฟนบอลหงส์แดง

 

  1. สนับสนุนทีมยู-23 


ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลของเขากำลังเพลิดเพลินไปกับช่วงพักหน้าหนาว มิลเนอร์ กลับอยู่ที่สโมสรเพื่อเชียร์ทีมยู-23 ที่รับผิดชอบแทนชุดใหญ่ลงเตะศึกเอฟเอ คัพ รอบที่ 4 นัดรีเพลย์ พบกับ ชรูวส์บิวรี่ ทาวน์


มิลเนอร์ ได้ลงฝึกซ้อมกับทีมเยาวชนเมื่อวันจันทร์และนั่งชมเกมที่แอนฟิลด์เมื่อวันอังคาร โดยเกมนั้นทีมหงส์แดงที่คุมทีมโดย นีล คริตช์ลี่ย์ เก็บชัยชนะด้วยสกอร์ 1-0

 

“เขาได้ให้คำแนะนำ เขาให้การหนุนหลังผู้เล่น เขาสั่งการในห้องแต่งตัว เขาได้เพิ่มชีวิตชีวา เขาพูดอยู่ข้างหลังผม ผมได้ยินเขาชัดเจน” คริตช์ลี่ย์ กล่าวกับ เดอะ มิร์เรอร์

 

  1. โชว์ถ้วยแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้แก่ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฮิลส์โบโร่

 

ในช่วงขบวนพาเหรดของลิเวอร์พูล หลังจากได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2019 มิลเนอร์ขอให้ป้ายรถเมล์เปิดประทุนเพื่อที่เขาจะได้โชว์ถ้วยแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ให้กับ แอนดรูว์ ดีไวน์ ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฮิลส์โบโร่ในปี 1989

ดีไวน์ ซึ่งต้องการการดูแลตลอด 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับบาดเจ็บจากภัยพิบัติดังกล่าวได้เจอกับ มิลเนอร์ ในระหว่างที่ไปเยี่ยมชมฐานฝึกซ้อมเมลวู้ด ซึ่งมันเป็นการโชว์ถึงคลาสของเขาเป็นอย่างดี

 

  1. มูลนิธิ เจมส์ มิลเนอร์


เขาเปิดมูลนิธิ เจมส์ มิลเนอร์ ในปี 2011 โดยมีเป้าหมายคือเพื่อส่งเสริมการพักผ่อนหย่อนใจที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อประโยชน์ของคนหนุ่มสาวในสหราชอาณาจักรโดยการพัฒนาปรับปรุงและจัดหาโอกาสในการเล่นกีฬา และมันประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

 

มูลนิธินี้มีเด็ก ๆ มากกว่า 1 ล้านคนและเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาได้มีการเฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 8 ด้วยการระดมทุนกว่า 1 ล้านปอนด์

  1. ฟิตที่สุดหลังรายงานตัววันแรกเมื่อพรีซีซั่นที่แล้ว

 

มิลเนอร์ คือผู้เล่นที่มีความฟิตสูงที่สุดในบรรดานักเตะที่เข้ามารายงานตัวเพื่อทดสอบความฟิตกับทีมวันแรกเมื่อช่วงพรีซีซั่นที่ผ่านมา 

 

ด้วยวัย 33 ปีในตอนนั้นเขาเอาชนะแข้งหนุ่ม ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น อดัม ลัลลาน่า, โจ โกเมซ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และถือว่าเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้วที่ มิลเนอร์ ชนะในการทดสอบความฟิตในวันแรกของการเข้าแคมป์ 

 

  1. อะไรก็ได้แต่อย่าเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


มิลเนอร์ โตขึ้นมาเป็นแฟนบอลของ ลีดส์ ยูไนเต็ด และเขาไม่ได้รับอนุญาตให้สวมเสื้อสีแดงของคู่ปรับอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


“ผมเติบโตขึ้นมาเป็นแฟนบอลลีดส์ ผมไม่เคยได้รับอนุญาตให้สวมเสื้อยืดสีแดง ที่บ้านผมไม่อนุญาตเลย ผมพูดจริง ๆ นะ เราสวมใส่สีแดงไม่ได้ เราคือลีดส์” มิลเนอร์ บอกกับ The Times เมื่อปี 2018

 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนจาก  เว็บบาคาร่าฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

Continue Reading